การบรรยายให้ความรู้การใช้ถังดับเพลิงเคมีแห้ง
ในการดับไฟ
โดย ณรงค์เดช
ผกานนท์
จนท.ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
เทศบาลตำบลอุบล
****************************************************************************************
ภาพเปลวเพลิงที่ลุกท่วมกรุงเทพมหานครอย่างบ้าคลั่งที่ผ่านมา
ถือเป็นเหตุการณ์เศร้าสะเทือนใจคนไทยทั่วประเทศ เนื่องจากไฟที่เผาทำลายบ้านเมืองนั้นได้ถูกจุดขึ้นจากน้ำมือคนไทยเอง
หลังเพลิงสงบยังคงมีกลิ่นควันจาง ๆ ลอยอยู่ในอากาศเพื่อรำลึกถึงความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลที่ยากจะประเมินค่า
พร้อมคำถามที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกหรือไม่...?!?
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนเกิดความหวาดกลัวอัคคีภัยทุกประเภทที่ อาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราควรให้ความสำคัญ ซึ่ง “ถังดับเพลิง” ถือเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่เชื่อว่าเกือบทุกบ้านมีติดตั้งไว้เพื่อป้องกันเพลิงไหม้ แต่มั่นใจหรือไม่ว่าเราดูแลตรวจเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้พร้อมใช้งานแล้ว...
สำนักงานเทศบาลตำบลอุบล โดยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ให้ความรู้เกี่ยวกับถังดับเพลิงที่เรามีไว้ประจำบ้านเพื่อใช้ระงับอัคคีภัยว่า โดยพื้นฐานทั่วไปการเกิดอัคคีภัยจริง ๆ แล้วเกิดขึ้นยากเนื่องจากต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างด้วยกันคือ
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้หลายคนเกิดความหวาดกลัวอัคคีภัยทุกประเภทที่ อาจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราควรให้ความสำคัญ ซึ่ง “ถังดับเพลิง” ถือเป็นอุปกรณ์หนึ่งที่เชื่อว่าเกือบทุกบ้านมีติดตั้งไว้เพื่อป้องกันเพลิงไหม้ แต่มั่นใจหรือไม่ว่าเราดูแลตรวจเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้พร้อมใช้งานแล้ว...
สำนักงานเทศบาลตำบลอุบล โดยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงได้ให้ความรู้เกี่ยวกับถังดับเพลิงที่เรามีไว้ประจำบ้านเพื่อใช้ระงับอัคคีภัยว่า โดยพื้นฐานทั่วไปการเกิดอัคคีภัยจริง ๆ แล้วเกิดขึ้นยากเนื่องจากต้องมีองค์ประกอบ 3 อย่างด้วยกันคือ
1.เชื้อเพลิง
2.ความร้อนที่สูงมาก
3.อากาศ (ออกซิเจน)
จึงจะทำให้เกิดไอระเหยของคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นมา ซึ่งประเภทของเพลิงนั้นเป็นอีกพื้นฐานที่เราต้องทราบก่อนเพื่อนำไปสู่การเลือกใช้ถังดับเพลิง
ประเภทของเพลิง โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1.ประเภท A คือ เพลิงที่เกิดจากเชื้อเพลิงธรรมดา เช่น ไม้ ผ้า กระดาษ พลาสติก ยาง
เป็นต้น
2.ประเภท B คือ เพลิงที่เกิดจากก๊าซของเหลวติดไฟ ไข และน้ำมันต่าง ๆ
3.ประเภท C คือ เพลิงที่เกิดกับอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือวัตถุที่มีกระแสไฟฟ้า เช่น สายไฟ
4.ประเภท D คือ เพลิงที่เกิดจากสารเคมีติดไฟได้ ส่วนใหญ่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
ถังดับเพลิงส่วนใหญ่ที่ เรารู้จักนั้นมี 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว โดยเฉพาะสีแดงเราจะพบเห็นบ่อยตามบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการต่าง ๆ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่า ยังแบ่งเป็น 2 แบบอีกด้วย คือ แบบบรรจุสารเคมี ได้แก่ผงเคมีแห้งที่ผ่านการอบแห้งแล้ว เวลาพ่นออกมาจะเป็นละอองแป้งสีขาว ๆ ใช้ได้ง่ายครอบคลุมเพลิงทุกประเภท แต่มีข้อเสียคือ จะทำให้เหลือผงสีขาว ๆ เลอะเทอะเปรอะเปื้อน และแบบบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถสังเกตได้คือ จะมีกรวยรูปแตรหรือทรงยาวอยู่ที่สายดับเพลิง เวลาพ่นก๊าซออกมาจะเป็นเหมือนหมอกปกคลุม แต่ไม่ทิ้งคราบสกปรก เหมาะสำหรับใช้ในปั๊มน้ำมัน เพราะไม่ทิ้งสารตกค้าง ทำให้พื้นที่สะอาดแต่สามารถใช้ได้กับเพลิงประเภท B และ C เท่านั้น สำหรับอันตรายจากก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ ถ้านำไปใช้ในที่อับ อาจทำให้คนที่อยู่ข้างในขาดอากาศหายใจ ส่วนอันตรายของผงเคมีแห้ง ถ้าสัมผัสถูกบริเวณผิวหนัง ดวงตา จะมีอาการระคายเคือง ปวดแสบ ปวดร้อน แต่สามารถล้างน้ำออกได้
ถังดับเพลิงส่วนใหญ่ที่ เรารู้จักนั้นมี 3 สี ได้แก่ สีแดง สีเหลือง และสีเขียว โดยเฉพาะสีแดงเราจะพบเห็นบ่อยตามบ้านเรือนประชาชนและสถานที่ราชการต่าง ๆ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่า ยังแบ่งเป็น 2 แบบอีกด้วย คือ แบบบรรจุสารเคมี ได้แก่ผงเคมีแห้งที่ผ่านการอบแห้งแล้ว เวลาพ่นออกมาจะเป็นละอองแป้งสีขาว ๆ ใช้ได้ง่ายครอบคลุมเพลิงทุกประเภท แต่มีข้อเสียคือ จะทำให้เหลือผงสีขาว ๆ เลอะเทอะเปรอะเปื้อน และแบบบรรจุก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สามารถสังเกตได้คือ จะมีกรวยรูปแตรหรือทรงยาวอยู่ที่สายดับเพลิง เวลาพ่นก๊าซออกมาจะเป็นเหมือนหมอกปกคลุม แต่ไม่ทิ้งคราบสกปรก เหมาะสำหรับใช้ในปั๊มน้ำมัน เพราะไม่ทิ้งสารตกค้าง ทำให้พื้นที่สะอาดแต่สามารถใช้ได้กับเพลิงประเภท B และ C เท่านั้น สำหรับอันตรายจากก๊าซคาร์บอน ไดออกไซด์ ถ้านำไปใช้ในที่อับ อาจทำให้คนที่อยู่ข้างในขาดอากาศหายใจ ส่วนอันตรายของผงเคมีแห้ง ถ้าสัมผัสถูกบริเวณผิวหนัง ดวงตา จะมีอาการระคายเคือง ปวดแสบ ปวดร้อน แต่สามารถล้างน้ำออกได้
- 2 -
ส่วนถังดับเพลิงสีเหลือง เป็นถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหยบีซีฮาลอน คุณสมบัติมีความเย็นจัด เหมาะสำหรับสถานที่ที่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร เนื่องจากไม่ทิ้งคราบสกปรก เพราะเป็นสารสะอาด ส่วนถังสีเขียวคุณสมบัติคล้าย ๆ สีเหลือง แต่ดีกว่าตรงที่น้ำยาเป็นสารระเหยที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวด ล้อม แถมช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แต่ทั้ง2 ชนิดนี้ค่อนข้างแพงจึงไม่เป็นที่นิยม
ขนาดของถังดับเพลิง ส่วนใหญ่ที่ใช้กันทั่วไปได้แก่ 5, 10 และ15 ปอนด์ โดยไม่ควรใช้เกิน 10
กก. หรือ 15 ปอนด์ หรือหากต้องการพกพาไว้ในรถจะใช้แค่ 2 กก. หรือ 5 ปอนด์
และในการติดตั้งถังดับเพลิงรวมความสูงของถังจากพื้นไม่ควรสูงเกิน 150 ซม. เพื่อให้หยิบใช้ได้สะดวก ในการเลือกซื้อถังดับเพลิงก็สำคัญจะ ต้องได้มาตรฐาน
มอก. 332-2537 ด้วย
เนื่องจากจะอ้างอิงเกี่ยวกับระยะเวลาการฉีดใช้
ส่วนถังดับเพลิงสีเหลือง เป็นถังดับเพลิงชนิดน้ำยาเหลวระเหยบีซีฮาลอน คุณสมบัติมีความเย็นจัด เหมาะสำหรับสถานที่ที่ใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสาร เนื่องจากไม่ทิ้งคราบสกปรก เพราะเป็นสารสะอาด ส่วนถังสีเขียวคุณสมบัติคล้าย ๆ สีเหลือง แต่ดีกว่าตรงที่น้ำยาเป็นสารระเหยที่ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวด ล้อม แถมช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แต่ทั้ง2 ชนิดนี้ค่อนข้างแพงจึงไม่เป็นที่นิยม
ขนาดของถังดับเพลิง ส่วนใหญ่ที่ใช้กันทั่วไปได้แก่ 5, 10 และ
การบำรุงรักษา
เมื่อมีถังดับเพลิงแล้วไม่ใช่จะปล่อยให้ติดตั้งไว้เฉย ๆ รอให้เกิดเหตุอัคคีภัยแล้วค่อยนำออกมาใช้ การดูแลรักษาภายนอกถังควรตรวจสอบสภาพของสายฉีด ไม่แตก หัก รั่ว และตัวถังไม่ผุกร่อนขึ้นสนิม ส่วนการดูแลรักษาน้ำยาในถังนั้นหมั่นพลิกถังดับเพลิงกลับหัวลง เพื่อตรวจสอบว่าน้ำยาดับเพลิงในถังยังคงสภาพเดิม (เป็นของเหลว) ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง และเช็คแรงดันของถังดับเพลิงที่มาตรวัดว่า ถ้าเข็มยังอยู่ในแถบสีเขียว แสดงว่ายังใช้งานได้ แต่ถ้าต่ำลงมาที่ขีดแดงควรเติมน้ำยาได้แล้ว ซึ่งถังซื้อใหม่มีอายุการใช้งาน 5-7 ปี หรือขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมในการติดตั้ง แต่ควรเติมน้ำยาทุก 3-5 ปี เนื่องจากคุณภาพจะเสื่อม เพราะในเรื่องของอัคคีภัยเครื่องมือป้องกันต่าง ๆ ต้องใช้งานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หากไม่มีคุณภาพใช้งานไม่ได้ก็ทำให้เกิดเหตุรุนแรงได้
แต่หากบ้านไหนยังไม่มีถังดับเพลิงประจำบ้านวิธีการเบื้องต้นในการดับเพลิงส่วนมากมักเข้าใจผิดคิดว่าเอาน้ำไปสาดเยอะ ๆ แต่การดับเพลิงจริง ๆ คือ การลดอุณหภูมิ ความร้อนให้ต่ำและคลุมไม่ให้อากาศเข้าหรืออาจจะใช้ผ้าชุบน้ำคลุมไฟ เช่น กองไฟเศษขี้เลื่อย เศษกระดาษ หากฉีดน้ำใส่จะทำให้กระจายได้ และการฉีดน้ำที่ถูกวิธี ควรฉีดไปที่ฐานของไฟ
การระงับอัคคีภัยให้มีประสิทธิภาพลดความเสียหาย จึงควรหมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา และอย่าประมาทเผอเรอเพราะอาจทำให้บ้านที่อยู่อาศัยวอดวายได้ ที่สำคัญต้องมีสติอย่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะเปลวเพลิงจะลุกลามรุนแรงก็ต่อเมื่อเราปล่อยให้มันไหม้นานเกิน 3-4 นาทีไปแล้ว ดังนั้นเรายังพอมีเวลาที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินได้ตามวิธีที่แนะนำไปแล้วข้างต้น.
วิธีการใช้ถังดับเพลิงแบบง่าย ๆ
1. ดึง คือ เมื่อยกถังดับเพลิงออกมาตั้งแล้ว สังเกตบนถังจะมีสลักเหมือนกระเดื่องระเบิดสอดไว้ค่อย ๆ ดึงออก
2. ปลด คือ ปลดสายหัวฉีดออกมาและถือให้มั่นคง
3. กด คือ เล็งหัวฉีดไปที่ฐานของไฟ จากนั้นกดคันบังคับเปิดน้ำยา
4.ส่าย คือ ส่ายสายฉีดไปให้ทั่วฐานของไฟจนไฟดับ (พยายามเข้าใกล้ประมาณ 2-4
เมตร เป็นระยะหวังผลได้ดี)
เมื่อมีถังดับเพลิงแล้วไม่ใช่จะปล่อยให้ติดตั้งไว้เฉย ๆ รอให้เกิดเหตุอัคคีภัยแล้วค่อยนำออกมาใช้ การดูแลรักษาภายนอกถังควรตรวจสอบสภาพของสายฉีด ไม่แตก หัก รั่ว และตัวถังไม่ผุกร่อนขึ้นสนิม ส่วนการดูแลรักษาน้ำยาในถังนั้นหมั่นพลิกถังดับเพลิงกลับหัวลง เพื่อตรวจสอบว่าน้ำยาดับเพลิงในถังยังคงสภาพเดิม (เป็นของเหลว) ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง และเช็คแรงดันของถังดับเพลิงที่มาตรวัดว่า ถ้าเข็มยังอยู่ในแถบสีเขียว แสดงว่ายังใช้งานได้ แต่ถ้าต่ำลงมาที่ขีดแดงควรเติมน้ำยาได้แล้ว ซึ่งถังซื้อใหม่มีอายุการใช้งาน 5-7 ปี หรือขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมในการติดตั้ง แต่ควรเติมน้ำยาทุก 3-5 ปี เนื่องจากคุณภาพจะเสื่อม เพราะในเรื่องของอัคคีภัยเครื่องมือป้องกันต่าง ๆ ต้องใช้งานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หากไม่มีคุณภาพใช้งานไม่ได้ก็ทำให้เกิดเหตุรุนแรงได้
แต่หากบ้านไหนยังไม่มีถังดับเพลิงประจำบ้านวิธีการเบื้องต้นในการดับเพลิงส่วนมากมักเข้าใจผิดคิดว่าเอาน้ำไปสาดเยอะ ๆ แต่การดับเพลิงจริง ๆ คือ การลดอุณหภูมิ ความร้อนให้ต่ำและคลุมไม่ให้อากาศเข้าหรืออาจจะใช้ผ้าชุบน้ำคลุมไฟ เช่น กองไฟเศษขี้เลื่อย เศษกระดาษ หากฉีดน้ำใส่จะทำให้กระจายได้ และการฉีดน้ำที่ถูกวิธี ควรฉีดไปที่ฐานของไฟ
การระงับอัคคีภัยให้มีประสิทธิภาพลดความเสียหาย จึงควรหมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา และอย่าประมาทเผอเรอเพราะอาจทำให้บ้านที่อยู่อาศัยวอดวายได้ ที่สำคัญต้องมีสติอย่าตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะเปลวเพลิงจะลุกลามรุนแรงก็ต่อเมื่อเราปล่อยให้มันไหม้นานเกิน 3-4 นาทีไปแล้ว ดังนั้นเรายังพอมีเวลาที่จะปกป้องชีวิตและทรัพย์สินได้ตามวิธีที่แนะนำไปแล้วข้างต้น.
วิธีการใช้ถังดับเพลิงแบบง่าย ๆ
1. ดึง คือ เมื่อยกถังดับเพลิงออกมาตั้งแล้ว สังเกตบนถังจะมีสลักเหมือนกระเดื่องระเบิดสอดไว้ค่อย ๆ ดึงออก
2. ปลด คือ ปลดสายหัวฉีดออกมาและถือให้มั่นคง
3. กด คือ เล็งหัวฉีดไปที่ฐานของไฟ จากนั้นกดคันบังคับเปิดน้ำยา
4.ส่าย คือ ส่ายสายฉีดไปให้ทั่วฐานของไฟจนไฟดับ (พยายามเข้าใกล้ประมาณ 2-
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น